Posts : Featured & Latest
ดีไอทีพี ชี้ 5
โอกาสทองของสินค้าส่งออกไทยในวิกฤตโควิด – 19
พร้อมเปิดแผนช่วย ผปก.
ฝ่าคลื่นยักษ์ด้วยช่องทางตลาดใหม่ – ออนไลน์ หวังเพิ่มโอกาสได้ไปต่อ
by Admin 8 June 2020
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด – 19 กรมฯ ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ทำการศึกษาปัจจัยและแนวโน้มเรื่องการส่งออกของสินค้าไทย โดยพบว่า สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีความรุนแรงและส่งผลกระทบกับกิจกรรมการส่งออกในประเทศไทยเท่านั้น
แต่ประเทศอื่น ๆ ที่พึ่งพาการส่งออกก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังพบว่าในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น
ประเทศไทยมีสินค้า 5 ประเภทที่มีโอกาสในการส่งออกหรือกระจายสินค้าไปสู่ตลาดและผู้บริโภคต่าง
ๆ เพิ่มมากขึ้น ได้แก่
- สินค้าประเภทอาหาร โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคในทุกประเทศ โดยในช่วงนี้สินค้าที่มีศักยภาพสูง
ได้แก่ อาหารแห้ง ข้าว อาหารกระป๋อง
ซึ่งประเทศไทยมีกำลังในการผลิตเพื่อบริโภคและการจำหน่ายที่เพียงพอกับความต้องการทั้งภายในและภายนอก
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในระยะแรกของการระบาดเชื้อ โควิด-19 สินค้าดังกล่าวถือว่ามีปัญหาเล็กน้อย
แต่ในปัจจุบันถือว่าคลี่คลายได้ดี และคาดว่าจะค่อย ๆ ขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจ
- สินค้าด้านเวชภัณฑ์และการแพทย์
ซึ่งเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการเกือบเทียบเท่ากับกลุ่มอาหาร
โดยอุปทานความต้องการมีมากทั้งในและต่างประเทศ
อันเนื่องมาจากการดูแลสุขภาพและการป้องกันตัวของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าความต้องการจะยังคงมีมากอย่างต่อเนื่อง
ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมนำไปปรับแผนการผลิตที่มีมาตรฐาน มีประสิทธิภาพ
และเพียงพอต่อไป
- สินค้าและบริการด้านความบันเทิง
และอุตสาหกรรมด้านเอนเตอร์เทนเมนท์ เนื่องจากการอยู่บ้านของประชาชนที่มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการขานรับนโยบาย Social Distancing
รวมทั้งการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home โดยธุรกิจบริการที่มีโอกาสเติบโตสูงได้แก่
ดิจิทัลคอนเทนท์ เกมส์ และภาพยนตร์ รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องการออกกำลังกายในบ้าน
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคได้หันมาใช้จ่ายในสินค้าและบริการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากต้องการผ่อนคลายความเครียดจากการอยู่บ้านเป็นเวลานานๆ
- สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน
ซึ่งปัจจุบันพบว่า เริ่มมีสถานที่ในการจัดจำหน่ายที่น้อยลง จึงทำให้โอกาสดังกล่าวขยายไปสู่ช่องทางการซื้อขายออนไลน์และผู้บริโภคก็หันเข้าสู่ช่องทางดังกล่าวเช่นเดียวกัน
- กลุ่มสินค้าในอุตสาหกรรมขั้นกลาง
เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เส้นใยผลิตสิ่งทอ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
นายสมเด็จ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมได้เตรียมมาตรการรองรับและสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการส่งออก
ไว้หลายด้านประกอบด้วย 1. ลดการพึ่งพาตลาดหลักผลักดันการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่เพิ่มขึ้น 2.เร่งแก้ไขปัญหาในการส่งออกจากปัจจัยต่างๆของประเทศเป้าหมายส่งออกสินค้าและบริการ
และ 3. เพิ่มศักยภาพการทำการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ
เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการทำการค้าในเศรษฐกิจยุคใหม่ รวมถึงเร่งหาแนวทางรับมือต่อไป
เพื่อให้ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของผู้ประกอบการไทย
สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็วและไม่กระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นเวลานานหลังจากวิกฤตดังกล่าวได้ผ่านไป
นอกจากนี้ ยังได้วางแนวทางที่จะนำพาผู้ประกอบการไปสู่ช่องทางออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
ซึ่งกรมฯ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ได้วางกิจกรรมส่งเสริมไว้เพิ่มเติมอีก
3 รูปแบบ ได้แก่
1. การจัดกิจกรรม
Business Matching ออนไลน์ คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยกิจกรรมการเจรจาทางการค้า
การนำเสนอสินค้า และการหาคู่ค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสที่จะสามารถจับคู่ธุรกิจการค้าได้ทั่วโลก
ด้วยการย่อโลกธุรกิจ การเจรจาทางการค้าให้ง่ายและใกล้กันมากขึ้น
2.
การจัดงานแสดงสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยแผนการจัดงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศนั้น
ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบใหม่
โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และเปิดกว้างให้ทั่วโลกสามารถเข้าถึงการจัดงานแสดงสินค้าได้ในรูปแบบ Multimedia Online
Virtual Exhibition (MOVE) หรือ Virtual Trade Show ด้วยการจัดแสดงงานและเข้าชมงานแสดงสินค้าได้ในรูปแบบเสมือนจริง
ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าชมงานได้อย่างเปิดกว้างมากขึ้นจากเดิม และสามารถเข้าชมได้จากทุกมุมของโลก
อีกด้วย
3. การวางแผนและพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์
ที่เรียกว่า “NEA E-Learning Universe” เพื่อให้ผู้ประกอบการยังคงสามารถได้รับองค์ความรู้ใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้เพิ่มมากขึ้นในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว
โดยแบ่งออกเป็น 2 แพลตฟอร์มใหญ่ ได้แก่ 1) ระบบ NEA E-Learning ระบบการเรียนรู้ออนไลน์ 2)ระบบ Live & Webinar Class ซึ่งเป็นการปรับโฉมลักษณะการดำเนินโครงการฝึกอบรมและสัมมนาต่างๆของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA)
โดยเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมจาก Offline ไปสู่ Online
อย่างเต็มรูปแบบ